วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สินค้าที่หน้าสนใจในชุมชนใกล้ตัว


ไม้กวาทางมะพร้าว





     วัสดุอุปกรณ์ในการทำ





  • ทางมะพร้าว (คือแกนกลางย่อยของใบมะพร้าว) ประมาณ 110-150 (X 2) ทาง

    • ด้ามไม้ไผ่ความยาวประมาณความสูงผู้ใช้ หรือน้อยกว่าเล็กน้อย
    • ลวดและแถบผ้าสำหรับพันปลายไม้
    • เชือก มีด ไม้ขีด (ใช้ลนปลายเชือกไม่ให้รุ่ย) และคีมมัดลวด
    สำหรับผู้ที่ชำนาญแล้ว หากมัดปลายไม้ได้แน่น ก็ไม่ต้องใช้ตะปูหรือลวด การถักและรัดเชือกทำเพื่อความแน่นหนา จะวนไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ตามถนัด


    วิธีทำไม้กวาดทางมะพร้าว

    2. มัดทางมะพร้าวเป็นกำเล็ก ๆ ด้วยเงื่อนที่ใช้มัดรวมกัน ทำเป็นพุ่มแรก ชั้นแรกด้านใน
    3. มัดทางมะพร้าวเช่นเดียวกับพุ่มแรก เมื่อได้ทรงพุ่มแล้วใช้สันมีดตอกอัดทรงพุ่มให้บานเสมอกันกับพุ่มแรก จากนั้นบากคอไม้ด้านใดด้านหนึ่งประมาณ 1 มม.แล้วตรึงด้วยเชือก
    4. พันทางมะพร้าวที่ถักแล้วรอบด้าม ถักเป็นลายขัดล๊อกติดกับด้าม ทับเป็นชั้นที่สอง

    ประโยนช์ของไม้กวาดทางมะพร้าว

    ไม้กวาดทางมะพร้าวใช้ในการทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆเช่น พื้นชีเมนต์ พื้นดินลูกรังชึ่งไม่กวาดธรรมดาทำไม่ได้

    ราคาขาย
              ไม้กวาดทางมะพร้าวมีราคาขาย ตั้งแต่ 30- 40บาท แล้วแต่ขนาดของด้ามนั้นๆ
    ถ้าชื้อ 5 ด้ามขึ้นไป ราคา 30 บาท


    อ้างอิง 
                นาย ศรีเกิด หน่อปา ผู้สานไม้กวาดทางมะพร้าว บ้านสบเสริม
    หมู่ 9 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง













    วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    วิธีทำให้เว็ปไซต์ติดอันดับ.1

                                  


    1. การทำ Search Engineการทำ Search Engine
    ฟังเหมือนง่าย แต่ยากที่จะทำ แต่เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้คนเข้าเว็บไซต์ของเราได้เยอะที่สุดและดีที่สุด เพราะ 80% นั้นคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรามาจาก Search Engine กันทั้งนั้น โดยการทำ เว็บไซต์ให้ Google รู้จัก








    1.1 ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บ
    การใส่ keywords ใน title นี้จะช่วยทำให้ Search Engine ต่างๆ รู้ว่า เว็บเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีผลกับการทำ ad sense ด้วยนะ เพราะโฆษณาที่ปรากฏนี้จะอ่านจาก title นี้เป็นสำคัญทีเดียวตัวอย่างการใช้งาน :[title] keyword หลัก , keyword รอง , keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น







    1.2 การใส่ Key Word ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนาใส่ keywords ที่เราต้องการให้ระบบของ google จับไปว่า เว็บไซต์ของเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ก็ควรใส่ keywords นั้นๆ เป็นตัวหนา เป็น head 1 head 2 ยิ่งดีนะ เพราะ พวก search Engine ที่เข้ามาเก็บข้อมูลนั้นจะได้เข้ามาได้ง่ายๆ และรู้ว่า ทั้งเว็บนี้คือเรื่องอะไรตัวอย่างการใช้งาน : [H 1] Keyword [/h 1] หรือ [H 2] Keyword [/H 2]




    1.3 หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ
    ไม่มีตัวหนังสือการทำเว็บไซต์ด้วยการมี flash หรือรูปภาพล้วนๆ นั้น Search Engine ต่างๆ เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์เราแล้ว จะอ่านไม่ออกนะ ดังนั้น หลีกเลี่ยงการใช้ flash หรือรูปภาพ มีได้บ้างเล็กน้อย แต่อย่าทำทั้งเว็บ เพราะ Search engine มันอ่านได้แต่ตัวอักษรหรือ html ปกติเท่านั้น







    ทำ Site Map ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
    การทำ Site Map นี้ จะช่วยให้ เมื่อระบบของ google วิ่งมาในเว็บไซต์เราแล้ว รู้ว่า ควรจะไปทางไหน เหมือนกับเป็นแผนที่นำทาง พา google ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์เราให้ครบทุกจุด






      การเพิ่ม link
    การเพิ่ม link เป็นหลักสำคัญมากอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีคนรู้จักเว็บไซต์ของเรา โดยที่การเพิ่ม link มีอยู่ 2 แบบ คือ การแลกลิงค์ (Link Exchange) และ การทำ one way link การแลกลิงค์ (Link Exchange) ก็อย่างที่เราทราบๆ กันดีนะว่า ส่งไปขอให้เว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรา ส่ง link มาให้เรา และทางเว็บไซต์ของเราเองก็ส่ง link กลับไปให้ทางเว็บไซต์ของเขาด้วยเช่นกันส่วนการทำ one way link นั้น ถ้าแปลกันตรงๆ ก็คือ ทำ link ทางเดียว ด้วยการที่ ทำอย่างไรก็ได้ ให้เขาส่ง link ให้เรา แต่เราจะไม่ส่ง link กลับไปให้ทางเว็บไซต์นั้นๆ ที่ส่งมาให้ เช่น การที่เว็บของเรามีเนื้อหาที่ดี ก็จะมีบางเว็บไซต์นำ link ของเราไปติดที่เว็บไซต์ของเขา




    การทำ signature
    การทำ Signature นั้น เป็นลักษณะของการทำ One way link อีกแบบหนึ่งเช่นกัน เราสามารถทำ signature ได้ง่ายๆ ด้วยการทำ signature ใน e-mail ของเราเอง เพราะเมล์บางฉบับที่เรา fwd ต่อๆ กันไปนั้น อาจจะมีคนสนใจแล้วเขามาที่เว็บไซต์เราก็เป็นได้ หรือ อาจจะทำ signature ตาม web board ต่างๆ ที่มีกันอยู่อย่างมากมาย เมื่อเราโพสบ่อยๆ เข้า link ก็จะสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ถือว่าการทำ signature นี้ เป็นการสร้าง link ให้กับเว็บไซต์ของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ทำให้คนในเว็บบอร์ดนั้นๆ รู้จักและเข้าเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น





    การใช้สื่อ offline
    อย่าลืม… สื่อ offline ทีเดียวนะ เพราะสื่อ offline ให้ผลทาง online ได้ดีทีเดียว โดยสื่อ offline ที่เป็นที่นิยมกันมากคือ การโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ แต่สื่อเหล่านี้ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้น อาจจะทำในสื่อ offline แบบอื่นๆ เช่น ที่คั่นหนังสือ ทำสติกเกอร์ติดรถ หรือ ใส่เสื้อที่มีชื่อเว็บไซต์ของเราเอง เพราะให้หลายๆ คนมองเห็นและคุ้นตากับชื่อเว็บไซต์เราได้มากที่สุด






    การลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ
    การลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อันได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ ต่างๆ พยายามพูดถึงเว็บไซต์ของเราบ่อยๆ จะทำให้ผู้ฟัง คุ้นหู คุ้นตาได้เป็นอย่างดี



    อื่นๆ
    การโฆษณาประเภทสุดท้ายนี้ คือ การทำอย่างไรก็ได้ให้คนอื่นรู้จักเว็บไซต์ของเรา ง่ายๆ เลย ก็คือ การบอกเล่า ปากต่อปาก ซึ่งวิธีการนี้ เป็นการโฆษณาเว็บไซต์ของ google ที่มีชื่อเสียงได้อย่างปัจจุบัน อย่าดูถูก… อิทธิพลของการบอกเล่า เชียวนะ…. รับรองว่า ได้ผลแน่ๆ








    วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    ธุรกิจที่ฉันสนใจ

    งานธุรกิจที่น่าสนใจ
      ธุรกิจขายเบเกอรี่ออนไลน์




    ธุรกิจเบเกอรี่ออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจใฝ่ฝันของบรรดาคนที่มีใจรักในการทำขนม หรือชอบรับประทานขนม และถือเป็นการทำธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงนัก 

    เพียงใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000-60,000 บาท ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ จึงเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ ทั้งนี้ ความน่าสนใจของธุรกิจเบเกอรี่ออนไลน์อยู่ที่ความต้องการของตลาดที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง 
    ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่ปัจจุบันมีการใช้ชีวิตที่เป็นสังคมเมืองมากขึ้น แม้แต่พฤติกรรมในการบริโภคก็เปลี่ยนแปลงไป หันมารับประทานอาหารที่ง่ายๆ สะดวก และทันต่อเวลาที่เร่งรีบมากขึ้น ทำให้เบเกอรี่เป็นอาหารอีกประเภทที่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกช่วงเวลา นอกจากนี้ เบเกอรี่ยังกลายเป็นอาหารที่ต้องถูกนำเข้าไปผสมผสานในงานต่างๆ มากขึ้น 
    ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ งานสัมมนาวิชาการ ทัวร์บริการท่องเที่ยว หรือแม้แต่งานศพ ทำให้ตลาดเบเกอรี่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
    ทั้งนี้ จุดขายที่สำคัญของการทำธุรกิจเบเกอรี่ออนไลน์ คือ รูปลักษณ์หรือหน้าตาของเบเกอรี่ ซึ่งถือเป็นสิ่งแรกที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้สนใจอยากซื้อรับประทาน 

    2. แนวทางทำธุรกิจOnline ให้ประสบความสำเร็จ




    ทำแล้วอยากโต
            ต้องรู้จักวิเคราะห์ธุรกิจของตัวเอง
         “การเริ่มต้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาธุรกิจให้อยู่รอดนั้น ยากยิ่งกว่า” ประโยคดังกล่าวนี้เราได้ยินกันมานาน และถึงวันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงอยู่ เพราะทุกวันนี้ในทุกธุรกิจมีการแข่งขันกันสูงมาก วันนี้คุณอาจเป็นผู้นำในตลาดอยู่ แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นผู้ตามก็ได้ในธุรกิจเบเกอรี่ก็เช่นกัน มีตัวอย่างให้เราเห็นมากมาย ทั้งแบรนด์ไทยเองและต่างประเทศที่แรกเริ่มในการทำธุรกิจนั้นได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย แต่พอผ่านไปสักระยะความสำเร็จที่เคยได้รับมาค่อยๆเลือนหายไป จนสุดท้ายต้องพบกับคำว่าขาดทุน
         ฉะนั้นหากคุณเริ่มทำธุรกิจเบเกอรี่แล้วทุกอย่างกำลังไปได้สวย ก็อย่าเพิ่งประมาทไป ต้องหมั่นพัฒนาสูตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เรื่องบริการอย่าให้ขาดตกบกพร่องเด็ดขาด ส่วนเรื่องโปรโมทชั่นก็ควรมีอยู่เนืองๆ
         พร้อมทั้งพยายามวิเคราะห์หาจุดแข็งจุดอ่อนของร้านเพื่อนำมาพัฒนาในสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น และแก้ไขข้อบกพร่องในอดีต  โดยในที่นี้ขอกล่าวถึงเครื่องมือที่นักการตลาดส่วนใหญ่นำมาใช้เพื่อช่วยในการพัฒนาธุรกิจ นั่นคือ  SWOT Analysis  โดยย่อมาจาก
    S : Strengths หมายถึง จุดเด่น หรือ จุดแข็งของธุรกิจที่ทำอยู่  ยกตัวอย่างเช่น รสชาติเบเกอรี่อร่อย ก็พยายามชูจุดขายเรื่องนี้เป้นสำคัญ โดยอาจพัฒนาสูตรความอร่อย และสินค้าให้หลากหลายขึ้น
    W : Weaknesses หมายถึง จุดด้อยหรือ จุดอ่อนของธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น สินค้ามีราคาแพงเกินไป ก็นำกลับมาคิดทบทวนหาวิธีลดต้นทุน แต่ไม่ลดคุณภาพเพื่อให้สินค้าขายได้มากขึ้น โดยอาจมีวางแผนในการสั่งซื้อวัตถุดิบใหม่ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมขึ้น เป็นต้น
    O : Opportunities หมายถึง โอกาส พยายามมองหาช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น ใกล้เทศกาลปีใหม่ หรือ วันวาเลนไทน์ เป็นช่วงที่คนให้ของแสดงความนับถือ และความรักกัน  ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เราจะรีบคิดเบเกอรี่แบบใหม่ หรือ  แพคเก็จจิ้ง ที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญกันและกัน เป็นต้น
    T : Threats หมายถึง อุปสรรค  ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจากภายนอก เหนือการควบคุมของเรา ซึ่งเราควรมีแผนสำรองไว้เตรียมรับมือ อาทิ ถ้ามีร้านเบเกอรี่มาเปิดข้างๆร้านเราจะทำอย่างไร หรือเว็บไซต์ที่เราเปิดขายเบเกอรี่อยู่เกิดมีปัญหาระบบเทคโนดลยีขัดข้องจะทำอย่างไร รวมไปถึงวัตถุดิบขึ้นราคาอย่างกะทันหัน หรือขาดตลาด เราจะบริหารสต็อกวัตถุดิบอย่างไรดี
         ทั้งนี้การทำ SWOT Analysis  จะทำให้เรามองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้น และเมื่อเกิดปัญหาก็สามารถรับมือได้ ไม่เกิดผลกระทบต่อธุรกิจเบเกอรี่ที่สร้างมากกับมือมากนัก
          ทว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะทำเบเกอรี่แบบไหน เจาะตลาดใดก็ตาม แม้วัตถุดิบที่นำมาทำเบเกอรี่อาจมีคุณภาพแตกต่างกันไปตามราคา แต่ต้องถึงอย่างไรก็ต้องเลือกที่สด สะอาด และปลอดภัย พร้อมกันนี้ต้องทำธุรกิจด้วยใจ เพราะอะไรที่ทำด้วยเรารัก เราจะสนใจอยากเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ และเมื่อทำดีแล้ว ผลตอบแทนในแง่ของเม็ดเงินจะตามมาอย่างมากมาย


    3. ถ้าฉันจะทำธุรกิจ Online ฉันจะทำธุรกิจอะไร


          เปิดหน้าร้านผ่านออนไลน์
    ต้นทุนน้อย กำไรยิ่งสูง
         การเปิดหน้าร้านในสมัยนี้มีต้นทุนสูงอยู่พอสมควร ยิ่งถ้าคุณไม่มีที่ดินหน้าร้านของตัวเอง ต้องไปเช่าพื้นที่ของคนอื่น ต้นทุนยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำเลที่ยิ่งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน ราคายิ่งสูง แถมยังต้องวางมัดจำล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน – 1 ปี เงินไว้ลงทุนกว่าครึ่งหมดไปกับการทำสัญญาค่าเช่า แถมยังมี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนที่คุณต้องจัดการทุกเดือน เรียกว่ามีต้นทุนเกิดขึ้นทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
         ซึ่งด้วยเงื่อนไขการลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่สักแห่งต้องใช้เงินทุนที่สูงมาก ทำให้หลายคนที่แม้จะมีฝีมือในการทำเบเกอรี่ มีไอเดีย มีแผนการตลาดพร้อมทุกอย่าง สุดท้ายก็ได้แต่เตรียมโปรเจคไว้ในฝัน เพราะขาดเงินลงทุน ครั้นจะไปกู้เงินมาก็กลัวความเสี่ยง
                    ถึงวันนี้คุณสามารถกลับไปรื้อโครงการ ปัดฝุ่นความฝันที่คิดอยากจะมีร้านเบเกอรี่ของตนเองได้แล้ว เพราะสามารถขายผ่านสื่อออนไลน์ได้ทั้งทาง Facebook, Twitter, Website ฯลฯ  ซึ่งการขายผ่านออนไลน์จะช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนได้มาก ไม่ต้องกลัวเรื่องค่าเช่า หรือสต็อกสินค้าเหลือ ฯลฯ
         ทั้งนี้จากเงินลงทุนนับแสนบาทก็เหลือลงมาเพียงแค่หลักหมื่นที่นำมาซื้ออุปกรณ์การทำเบเกอรี่ ที่สำคัญการขายผ่านออนไลน์ทำให้คุณมีลูกค้ามากขึ้น เพราะทุกวันนี้ใครๆ ก็หาข้อมูล ซื้อสินค้าบนโลกอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น และถ้าลูกค้าเปิดมาเจอเว็บไซต์หรือ เฟตบุ๊คเบเกอรี่ของคุณ  แล้วชอบสนใจก็อาจมีโอกาสได้ตกลงสั่งซื้อสินค้าของคุณก็ได้   ในขณะที่การเปิดหน้าร้านขาย ก็จะขายได้เฉพาะลูกค้าที่อยู่ในบริเวณนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านขายเบเกอรี่แถวลาดพร้าว ก็จะมีแต่ลูกค้าที่อยู่ในโซนลาดพร้าวเท่านั้นที่เห็นและซื้อ แต่หากเปิดร้านค้าเบเกอรี่ผ่านสื่อออนไลน์ แม้คุณอยู่แถวลาดพร้าว แต่โอกาสที่ลูกค้าที่อยู่แถวบางนาจะเห็นและเกิดการสั่งซื้อก็มี เรียกว่าสามารถทำธุรกิจเบเกอรี่ได้ทั่วทุกพื้นที่นั้นเอง


               อ้างอิงhttp://www.smesreport.com/column.php?id=001843

    วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    ยานพาหนะที่คนใช้มากที่สุด 5 อย่าง

    1 เครื่องบิน 


        เครื่องบินเป็นพาหนะลำดับต้นๆที่ผู้คนบนโลกใช้เป็นพาหนะคู่ใจในการเดินทาง ด้วยการเดินทางที่รวดเร็ว และสะดวกสบาย และมีความปลอดภัยสูง สามารถไปจุดหมายปลายทางที่ไกลๆได้อย่างรวดเร็วชึ่งสามารถเดินทางข้ามทวีปใด้


    2  รถไฟความเร็วสูง

                           
                  รถไฟความเร็วสูง เป็นพาหนะอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความนิยมของมากของโลก ชึ่งประเทศต่างๆมีการผลักดันให้ประเทศของตนเองให้มีรถไฟความเร็วสูง  รถไฟความเร็วสูงสามารถเดินทางได้ด้วยเวลาที่น้อยลง


    3  รถทัวร์ หรือ รถบัส

                   รถทัวร์ หรือ รถบัส เป็นยานพาหนะ ที่มีความนิยมในด้านการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ชึ่งสามารถจุผู้คนได้จำนวนมากกว่ารถตู้ ชึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครับครัน และสดวกสบายมาก



    4 รถยนต์ส่วนบุคคล


                           รถยนต์ส่วนบุคคล เป็นพาหนะที่มีผู้คนใช้เป็นส่วนมาก ชึ่งมีความเป็นส่วนตัวจะไปไหนก็ได้ตามใจเรา


    5 รถมอเตอร์ไชน์



                    รถเครื่อง เป็นที่ไม่มีหลังคาคลุม