วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


1. Social Network/Social Media 


Social Network 

โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Hi 5, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)  การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ (Share) ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้  เช่น  แสดงความคิดเห็น (Comment)  กดไลค์ (Like) ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการ  ความโดดเด่นในเรื่องความง่ายของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ทำให้ธุรกิจ และนักการตลาดสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ

Social Media  หมายถึงสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหาเรื่องราว ประสบการณ์บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทําขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนํามาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่
อยู่ในเครือขาย่ของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทําผ่านทาง 
Internet และโทรศัพท์มือถือมากขึ้นเรื่อยๆ



2.Facebook กับการตลาดออนไลน์


2.1 ความเป็นมาของ Facebook
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 Mark zuckerberg ได้เปิดตัวเว็บไซต์ Facebook ซึ่งเป็นเว็บประเภท social network ที่ตอนนั้น เปิดให้เข้าใช้เฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเท่านั้น และเว็บนี้ก็ดังขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะแค่เพียงเปิดตัวได้สองสัปดาห์ ครึ่งหนึ่งของนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ก็สมัครเป็นสมาชิก Facebook เพื่อเข้าใช้งานกันอย่างล้นหลาม และเมื่อทราบข่าวนี้ มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในเขตบอสตั้นก็เริ่มมีความต้องการ และอยากขอเข้าใช้งาน Facebook บ้างเหมือนกัน มาร์คจึงได้ชักชวนเพื่อของเค้าที่ชื่อ Dustin Horowitz และ Christ Hughes เพื่อช่วยกันสร้าง Facebook และเพียงระยะเวลา 4 เดือนหลังจากนั้น Facebook จึงได้เพิ่มรายชื่อและสมาชิกของมหาวิทยาลัยอีก 30 กว่าแห่ง
Mark Zuckerberg
          ไอเดีย เริ่มแรกในการตั้งชื่อ Facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี่ โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า The Exert Face Book ซึ่งจะส่งต่อ ๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ซึ่ง face book นี้จริง ๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงและนำมันเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต

          เมื่อประสบ ความสำเร็จขนาดนี้ ทั้งมาร์ค ดัสติน และ ฮิวจ์ ได้ย้ายออกไปที่ Polo Alto ในช่วงฤดูร้อนและไปขอแบ่งเช่าอพาร์ทเมนท์ แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นสองสัปดาห์ มาร์คได้เข้าไปคุยกับ ชอน ปาร์คเกอร์ (Sean Parker) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Napster จากนั้นไม่นาน ปาร์คเกอร์ก็ย้ายเข้ามาร่วมทำงานกับมาร์คในอพาร์ตเมนท์ โดยปาร์คเกอร์ได้ช่วยแนะนำให้รู้จักกับนักลงทุนรายแรก ซึ่งก็คือ ปีเตอร์ ธีล (Peter Thieu) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal และผู้บริหารของ The Founders Fund โดยปีเตอร์ได้ลงทุนใน Facebook เป็นจำนวนเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ

2.2 วิธีสมัคร Facebook 

สมัคร facebook ใหม่ล่าสุด เค้าทำแบบนี้กัน ดูเลยดิ นี่นะเราจะบอกให้จร้าาาา… ให้เข้าไปตรงนี้ แล้วทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เลย อธิบายอย่างละเอียด ติดตรงไหน ก็ถามกันมาได้ที่ช่องแสดงความคิดเห็นใต้กระทู้นี้

 

facebook
Facebook


สอนวิธีสมัคร Facebook สมัครฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อเปิดหน้า เว็บไซด์ Facebook ขึ้นมาแล้วให้ดูที่ด้านขวาของ website กรอกประวัติของคุณลงไปเลย จะเขึยนว่า ลงทะเบียน สมัคร Facebook ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

สมัครfacebook
สมัครfacebook
ลงทะเบียน ฝากประวัติ Facebook กันเลย

กรอกประวัติ ลงทะเบียน เฟสบุ๊ค ให้กรอกตามช่องที่เข้าให้มา ใส่ชื่อจริง ชื่ออะไร นามสกุลจริง ลงไป บางคน ชื่อ เฟสบุ๊ค ไม่ต้องการก็มีครับ ผมก็เคยเป็นมาแล้ว เฟสบุ๊ค จะบอกว่า ชื่อ ของคุณ ไม่ถูกต้องตามหลัก facebook อีเมล์ของคุณ ใส่ Email Password ชื่ออะไร เช่น signupth@gmail.com หรือ อีเมล์ อะไรก็ได้ที่ใช้ในการลงทะเบียนครั้งนี้ ป้อนอีเมล์แล้วก็ ใส่รหัสผ่าน วันเดือนปีเกิด
ตั้งหัสผ่าน ให้ใส่ง่ายๆ ควรเอา ตัวเลขผสมกับตัวหนังสือพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ ภาษาอังกฤษนะครับ จากนั้นเมื่อกรอกเสร็จแล้วให้คลิกไปที่ ลงทะเบียน เลือกเพศชาย เพศหญิงให้ดีนะครับเดียวจะแก้ไขทีหลังยาก

หลังจากคลิก “ลงทะเบียน” เสร็จแล้ว facebook จะส่งข้อมูลประวัติตอบกลับมาทางอีเมล์ เพื่อนๆ ก็เปิดอีเมล์ขึ้นมา แล้วก็คลิกยืนยันเอกสาร    
step 1 : เพิ่มเพื่อน add เพื่อน ใหม่ ของคุณถ้ายังไม่รู้จักชื่อเพื่อน ไม่ต้องสนใจครับ ทำตามขั้นนี้เลย คลิก ข้ามขั้นตอนนี้ไป แล้วเราค่อยเพิ่มเพื่อนทีหลัง
facebook
facebook
เพิ่มเพื่อน

step2 : ข้อมูลส่วนตัว คุณมีประวัติอะไร สถานศึกษาอยู่ที่ไหน ตอบไปเลย ครับ จบโรงเรียนอะไรมา ตอนนี้กำลังเรียนชั้นอะไร จัดเต็มเลยครับ

ตั้งชื่อfacebook
ตั้งชื่อfacebook
ตั้งค่า facebook

 step3 : Upload Picture ตัวแทนตัวคุณมีรูปในมือถือ อัพรูปขึ้นเฟส และการตั้งค่า setting Account ID ให้โชว์ภาพ หรือถ้าใช้กล้องให้ ถ่ายรูปขึ้น เฟสบุ๊ค ได้เลย และเลือก บันทึก และ ดำเนินการต่อไป สเตป 4

สมัคร facebook
สมัคร facebook
อัพโหลดรูปภาพ

step 4 : สมัคร Facebookผ่านแล้ว คุณทำได้แล้ว  มาถึงขึ้นตอนนี้ได้ไปแล้ว 90 % เหลือแต่ยืนยัน E-mail เข้าไปยังอีเมล์ของคุณแล้วคลิก เปิดอีเมล์ อ่าน INBOX จดหมายจากเฟสส่งให้ แล้วคลิกไปที่ Link web ตัวหนังสือสีน้ำเงิน ยืนยันอีเมล์ ตัวตนที่แท้จริงคุณคือเจ้าของ id facebook และ id email นั้น
facebook สมัคร
facebook สมัคร
เปิด เฟสใหม่ ได้แล้ว เหลือแต่ยืนยันอีเมล์

สิ่งสำคัญของการลงทะเบียน คือ กรอกให้ถูกต้อง และจดบันทึก รหัสผ่าน อีเมล์ ให้ดี เผื่อว่า ลืมรหัสผ่านจะได้เปิดออกดูแล้วเข้าเฟส ได้ หลังจากคลิกยืนยันเสร็จคุณก็ได้ ” ลงทะเบียน ” ได้สำเร็จ ตามต้องการ หลังจากนั้นคุณก็จะทำอะไรกับ เฟสของคุณได้หมด วิธีการเล่น Facebook เพิ่มเพื่อน add friend , upload รูปภาพ , โพสต์ข้อความ , แชท, ตั้งชื่อ เทห์ ๆ เก๋ๆ , โทร Facebook ใช้สำหรับมือถือเท่านั้น หรือ มี microphone ต่อพ่วง

2.3 ส่วนประกอบของ    Facebook
ส่วนประกอบของ  Facebook  หลังจากที่เราได้เข้าสู่ระบบแล้ว  จะพบกับระบบของ Facebook  โดยจะมีส่วนประกอบของหน้าจอที่แสดงถึงการใช้งานและเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ  ให้กับผู้เล้น  และในขณะนี้เป็นหน้าที่เป็นปัจจุบันมากที่แล้ว  เพราะว่ามีการเปลี่ยนไปตามรูปแบบที่เขาได้ปรับปรุง  ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในตำแหน่งแต่การใช้งานยังคงเหมือนเดิม
ส่วนประกอบของ  Facebook
ส่วนประกอบของ Facebook


1. เป็นโลโก้  และมีช่องสำหรับค้นหาใช้ค้นหาได้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ Facebook ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้เล่น  ชื่อเพจ  ใช้อีเมล์ในการค้ารวมถึงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูล  ซึ่งมีข่าวว่ากำลังพัฒนาระบบให้ตอบสนองความต้องการในการค้นหาที่มากขึ้นด้วย
2.เป็นชือของเราและรูปโปรไฟลืขนาดเล็ก  หากเราคลิกก็จะมาอยู่ที่หน้าของเรา  และมีคำว่าหน้าแรก  ซึ่งหาดมีระบบข่าวหรือว่าฟีตมาใหม่ๆ
3. เป็นเมนูที่ใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเพจ  กาตั้งค่า  ออกจากระบบเป็นต้น
4. ต่อจากนั้นจะเป็นรูปคนหากมีคนกำลังขอให้เราเป็นเพื่อน  แสดงข้อความที่ส่งถึงเรา  และแสดงการแจ้งเตื่อนต่างๆที่เกี่ยวกับเรา
5. จะแสดงชื่อของเราแล้วการเข้าจัดการโปรโฟล์ต่างๆ  พร้อมรูปของเราที่ได้ตั้งค่าไว้
6. แสดงข่าวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรา  รวมถึงกิจกรรมที่เพื่อนได้เชิญชวนต่างๆ
7. แสดงหน้าเพจที่เราสามารถเข้าไปใช้งานได้  หรือว่าเข้าไปจัดการใช้งานได้
8. แสดงรายชื่อกลุ่มต่างๆที่เราได้เข้าร่วมอยู่  สามารถที่จะเข้าไปโพสต่างๆได้
9. รายชื่อแอฟต่างไที่เราได้ใช้งานอย่างเช่นเกม  หรือว่าอื่นๆ
10. ช่องสำหรับโพสข้อความต่าง  ทั้งการโพสรูปภาพและลิงค์อื่นๆ
11. แสดงหน้าข่าวหรือว่าฟีคต่างๆที่  เพื่อนหรือว่าทางเพจที่เราได้กดไลท์ไว้
12. แสดงโฆษณาที่ได้ใช้งานกับทาง Facebook ไว้  ต้องนี้หากคนที่จะจำหน่ายสินค้าแล้วโฆษณาจะแสดงตรงนี้นั้นเอง

2.4 กลยุทธ์ Facebook บนหน้า Fan Page

ถ้าพูดถึง Social Media อย่าง Facebook แล้วอาวุธลับสำหรับ "ทําการตลาดบน facebook"
ของเหล่า E-Marketing Campaign ทั้งหลายคือการสร้างหน้า Fan Page และสำหรับบางคนหรือผู้เริ่มต้น"ทําการตลาดบน facebook"บางคนต้องมีคำถามในใจว่า "แล้วจะเริ่มโปรโมต Fan Page ใน "ทําการตลาดบน facebook" ให้มันดังยังไงดี?" 

บทความนี้สามารถช่วยคุณได้บ้างสำหรับ 5 สเตปเทพแบบพื้นฐาน ที่ผู้เริ่มต้น "ทําการตลาดบน facebook"ควรรู้ไว้!
5 Ways to Promote Your Facebook Fan Page

5 Ways to Promote Your Facebook Fan Page

ทำไมต้องทำ Fan Page"ทําการตลาดบน facebook"?

ก็เพราะทำไมน่ะเหรอ!

ก็ทุกธุรกิจในปัจจุบันนั้นใช้ช่องทางนี้ในการ"ทําการตลาดบน facebook"ตักตวงสมาชิกหรือฐานลูกค้าใน Social Networkบน FaceBook หมดแล้วผ่านการสร้าง Fan Page ซึ่งเป็น Tool "ทําการตลาดบน facebook"ที่ฉลาดผสานกับแนวคิดไอเดียการสร้างกลุ่มผู้ใช้งานผู้สนใจ "ทําการตลาดบน facebook" หรือผู้บริโภคและ การ "ทําการตลาดบน facebook" นี้เองสามารถเข้าถึงได้อย่างผู้ใช้บริการได้ง่ายไม่แปลกใจเลย

ที่ Alexa ได้จัดอันดับ Facebook เป็นเว็บที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองของโลกรองจาก Google
และไม่นานก็อาจจะแซงหน้า Google ก็เป็นได้


FanPage หลากหลายที่ฉันสร้าง




นั่นหมายความว่า หน้า Fan Page "ทําการตลาดบน facebook" ที่ได้สร้างขึ้นสามารถชี้วัดดัชนีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ"ทําการตลาดบน facebook"หลากหลายได้อย่าง รวดเร็วและสามารถค้นหาได้ง่ายผ่าน Google หรือเครื่องมือค้นหาตัวอื่น ติดอันดับบนในผลการค้นหาได้ง่าย และ นี่เป็น 5 สเตปเทพที่ควรทำครั้งแรกในการสร้าง Fan Page ให้เป็นที่รู้จักได้รวดเร็ในการ"ทําการตลาดบน facebook

1. ไป Invite เพื่อนๆหรือคนที่รู้จักในลิสเครือข่าย "ทําการตลาดบน facebook"ของคุณ


คุณมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือ เพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ นั่นแหละคือเป้าหมายแรกที่จะเป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือและขยาย Fan Page ของคุณ 

คุณ สามารถ Invite หรือเชิญบุคคลเหล่านี้เป็นหัวหน้ากลุ่ม"ทําการตลาดบน facebook" (Administrator) ของ Fan Page ที่จะ "ทําการตลาดบน facebook" ของคุณหรือไม่ก็เป็นกลุ่มแรกๆที่เป็นหัวหลักหัวโตในการสร้าง Fan Page และขยายเครือข่าย เป็นการสร้างฐานสมาชิกแรกเริ่ม


ถ้ายิ่งเริ่มต้นในปริมาณที่มากการกระจายของ เส้นสายสมาชิกก็ยิ่งจะได้ผลในวงกว้าง เพียงแค่คุณคลิก"Suggest to Friends" หรือ "แนะนำ เพื่อน" ในหน้า "ทําการตลาดบน facebook"

โดยเริ่มพิมพ์ชื่อของสมาชิกหรือเพื่อนในส่วนของ Friend List โดยการกรอง Keywords ในการ Filter เลือกกลุ่มที่น่าจะได้ผลกับธุรกิจหรือประเภทของ Fan Page "ทําการตลาดบน facebook" ของเราดังตัวอย่างในภาพ
Invite เพื่อนๆขอคุณด้วยการ Filter
Invite เพื่อนๆขอคุณด้วยการ Filter
เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้เวลาระยะนึง กว่าจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยโผล่ขึ้นมาจากการ ในช่อง Friend หรือ Fan List แต่ไม่นานก็จะเห็นว่าเมื่อกลุ่มที่สนใจได้รับคำเชิญ หรือ Invited ไปก็จะเข้ามา Be come a Fan ในไม่ช้า

2. ค้นหาคนที่จะ Join Page โดยใช้ Facebook Search "ทําการตลาดบน facebook"

Feature ของ Facebook อย่างเจ้า Facebook Search (มองไปที่แถบ ค้นหา search ข้างบน Facebook) ไม่ง่ายและไม่ยากในการที่จะค้นหากลุ่มคนที่จะมาร่วม "ทําการตลาดบน facebook" join Fan Page กับเรา เลือกเมนู"Posts by Everyone," กับ Keyword ของคุณ

คุณจะพบ Wall หรือ บทสนทนาของบุคคลนั้นอาจจะอยู่ในลิสรายชื่อเครือข่าย"ทําการตลาดบน facebook" ของคุณหรืออาจจะไม่อยู่ ไม่รู้จักกันเลย แต่คุณจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับ Keyword นั้นๆปรากกฏขึ้นมาและก็ไม่ยากนักถ้าคุณจะเข้าไปแอบดูบทสนทนานั้นแล้วก็ Add Friends หรือ suggest to a fan "ทําการตลาดบน facebook" อย่างง่ายดาย ส่วนกลุ่มเพื่อนในเครือข่ายของคุณก็สามารถหาข้อมูล "ทําการตลาดบน facebook"ได้เช่นกันโดยการเลือก

เมนู "Posts by  Friends"
ใช้ Facebook Search โดยเลือก Posts by Everyone,ใช้ Facebook Search "ทําการตลาดบน facebook"โดยเลือก Posts by Everyone,

 

 

3. ทำ Ads บน Facebook ทําการตลาดบน facebookเพื่อดึงดูดคนเข้ามา Fan Page (Social Ads)

Social Ads หรือ Advert บนข้างแถบด้านซ้ายมือเว็บไซต์ Facebook เป็นอีกวิธีที่ได้ผลเพราะเป็นการหว่านแหผู้สนใจในการนำเสนอการ "ทําการตลาดบน facebook" หรือกลุ่มของคุณ และไม่ต้องกลัวคนจะไม่คลิกที่โฆษณา หากว่า Fan Page ที่คุณโฆษณาเป็นที่ต้องการของพวกเขาแล้วพวกเขาจะไม่รีรอในการกดคลิกโฆษณาด้านขวามือของ Facebook เลย เพราะพวกเขาเหล่านั้นสนใจใน Fan Page "ทําการตลาดบน facebook"ของคุณ
Social Ads
กลยุทธ์"ทําการตลาดบน facebook"นี้ใช้ ต้นทุนน้อย แต่ได้ผลตอบรับอย่างมีประสิทธิภาพในการหาเป้าหมายกลุ่มผู้ใช้บริการโดยตรงในการ"ทําการตลาดบน facebook" พอๆกับการ Filter ด้วย Keyword จะต่างกันก็เพียงคนเหล่านี้สนใจที่จะเข้ามาเอง
Advert Manager CampaignAdvert Manager Campaign


เพียงคุณคลิก "Promote With an Ad" หรือ "ส่งเสริม กับ โฆษณา" ในหน้า Fan Page ของคุณคุณก็จะสามารถเริ่ม"ทําการตลาดบน facebook"ระบบแคมเปญโฆษณา สามารถกำหนดวงเงินการใช้จ่ายรายวัน $10-$20 เหรียญหรือจำนวนเงินที่เหมาะสมกว่านั้นกับแคมเปญ"ทําการตลาดบน facebook"ของคุณโดยเจาะจงด้วย Keyword

เป็นไปได้สูงที่จะเล่นแคมเปญโฆษณาบน Facebookมากกว่า 2-3 วันอาจจะเล่นซัก 4-5 วันด้วยงบประมาณ ไม่เกิน $25 ต่อวันแล้วหยุดเล่นแคมเปญ 

"ทําการตลาดบน facebook"ชั่วคราว ก็เพื่อดู ฟีดแบ็ค ซักสองสัปดาห์หากว่ายังไม่เป้นที่น่าพอใจก็ลองเล่น"ทําการตลาดบน facebook"ใหม่อีกครั้งเพื่อสังเกต การเปลี่ยนแปลง

หมายเหตุ: เนื่องด้วยเป็นสเตป"ทําการตลาดบน facebook"ที่ต้องเสียเงินผู้ลงทุนควรศึกษาเร็ทการลงโฆษณาและวางแผนระยะเวลาในการเล่นแคมเปญต่างๆให้ดี!ในการ"ทําการตลาดบน facebook" 

4. ช่วยโปรโมต Facebook Fan Page ด้วย Twitter App

ตัวช่วย"ทําการตลาดบน facebookFan Page Facebook ของคุณอีกตัวคือ Twitter เป็น เครื่องมือช่วยเหลือที่ดีมาก ที่สำคัญรวดเร็วอัพเดททันใจทางเลือกที่ดีที่สุดคือไปติดตั้ง Twitter App for Facebook เมื่อคุณอัพเดทสถานะบน Wall ไม่ว่าจะเป็น link, photo, video ในหน้า Facebook ก็จะมีการอัพเดทไปที่ Twitter เช่นกันซึ่งหากว่าคุณมี Twitter account ที่มีคน Follow คุณเยอะแยะมากมายแล้วความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้สนใจจะวิ่งเข้ามาที่ Fan Page ก็จะเยอะขึ้นเช่นกันเป็นการเพิ่มสมาชิกจากอีกแหล่งข้อมูลอื่นที่นอกเหนือ Facebook และ Google

5. Facebook Fan Box Widget

Facebook Fan ox Widget เป็นรูปแบบ"ทําการตลาดบน facebook"ที่ดีที่จะเพิ่มช่องทางการกระจาย Fan Page"ทําการตลาดบน facebook"ให้เป็นที่รู้จัก ผ่าน Blog หรือ Website ของคุณหรือเพื่อนของคุณ เจ้า Widget ตัวนี้จะแสดงฐานสมาชิกของ Fan Page คุณและช่วยให้ผู้อื่นที่รู้จักสมาชิกใน Widget นี้สามารถเห็นเพื่อนหรือคนรู้จักที่เป็นแฟนของ Fan Page เราอยู่นั้นมาเป็นแฟนด้วยทันที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อวิธี"ทําการตลาดบน facebook"นี้ได้ผลจริงนะ
Facebook Fan Box Widget on  http://www.i3.in.th


หมดแล้วค่ะเคล็ดลับ 5 สเตปเทพ สำหรับ Facebook Fan Page หรือ"ทําการตลาดบน facebook"ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นวิธีที่เริ่มต้นการต่อยอด"ทําการตลาดบน facebook"

แนวคิดของการนำเสนอ Fan Page เพื่อสร้างกลุ่มสมาชิกของบริการของคุณการนำไปใช้"ทําการตลาดบน facebook" ไม่ใช่ว่าจะได้ผล 100% เลยทีเดียวเพราะ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เทคนิคในการนำเสนอแต่เป็น Page และเนื้อหาของกลุ่มที่คุณนำเสนอ"ทําการตลาดบน facebook"ต่างหาก

2.5 วิธีสร้าง Fan Page บน Facebook



สำหรับ ใครที่อยาก สร้าง Facebook Face Page เป็นของตัวเอง เพื่อ โปรโมทสินค้า หรือโปรโมทบริษัท แต่ยังไม่รู้
วิธีการสร้าง Fanpage บน Facebook ว่าสร้างยังไง มาลองทำตามวิธีข้างล่างดูกันเลยค่ะ



ทาง Facebook จะมีหมวดใหญ่ให้เลือกสร้างได้ถึง 6 หมวดด้วยกัน ดังนี้



1. Local Business or Place of interest – ร้านค้า ธุรกิจ หรือ สถานที่สำคัญๆ

2. Company, Organization or Institution – บริษัท, องค์กร หรือ สถาบันต่างๆ
3. Brand or Product – แบรนด์สินค้า หรือ ชนิดของสินค้า
4. Artist, Band or Public Figure – ศิลปิน ดารา วงดนตรี และตัวบุคคล
5. Entertainment – ปรเภทความบันเทิง
6. Cause of Topic – เรื่องที่น่าสนใจ เช่น เหตุการณ์ใหญ่ อย่าง คนไทยรักชาติ, ต่อต้านยาเสฟติด ประมาณนี้
สมมติว่า เราจะเลือกสร้าง หมวดที่ 3 คือ Brand or Product เราก็คลิ๊กเลย ก็หน้าตาจะเป็นแบบนี้ ให้เราเลือก หมวดย่อยๆ อีกที



ช่องข้างล่าง ให้ใส่ ชื่อ brands หรือชื่อสินค้า ของเราเข้าไป

เลือกเสร็จ ติ๊ก ถูก ที่ I agree to the Facebook Pages Terms แล้ว คลิ๊กปุ่ม Get Started เลย
แค่นี้ ก็เสร็จแล้วค่ะ

2.6 ขั้นตอนการโปรโมทกิจกรรมผ่าน Facebook Fan Page


สร้างการมีส่วนร่วมของ Fan Page Facebook
การโปรโมทโพสต์เป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้าถึงผู้คนที่ถูกใจหน้าเพจ และเพื่อนของผู้คนเหล่านั้น ในฟีดข่าวของตัวเอง บนเดสก์ทอป และมือถือได้มากขึ้น การโปรโมทโพสต์จะช่วยดันโพสต์นั้นให้ปรากฏสูงขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มแนวโน้มที่ผู้คนจะดูข้อความในฟีดข่าวของพวกเขา รับรู้ถึงธุรกิจ ตอบรับการส่งเสริมการขาย
  1. แสดงแท็บข้อมูลเชิงลึก ถูกใจ การเข้าถึง จำนวนผู้คนที่กำลังพูดถึงสิ่งนี้ ด้วยจำนวนคนที่ไม่ซ้ำกัน
  2. แสดงตัวการวัดประสิทธิภาพ ขนาดและการมีส่วนร่วมของผู้รับชม
  3. กราฟแสดงประสิทธิภาพ ซึ่งจะแสดงว่าแต่ละโพสต์มีอิทธิพลต่อกลุ่มคนที่พูดถึงหน้าเพจอย่างไร
  4. แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโพสต์ของหน้า การวิเคราะห์เกี่ยวกับแต่ละโพสต์บนหน้าเพจ
ขั้นตอนการสร้างการมีส่วนร่วมของ Fan page
  1. สร้างการมีส่วนร่วมของแฟนเพจด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพ โดยการโพสต์ข้อมูลอัพเดตที่มีความน่าสนใจ
  2. โปรโมทโพสต์โดยการกดปุ่มโปรโมทให้โพสต์แสดงได้บ่อยขึ้น เพิ่มโพสต์ใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  3. กำหนดให้โพสต์ที่สำคัญที่สุดอยู่ด้านบนของเพจโดยการคลิกปักหมุด ไฮไลค์เพื่อให้โพสต์นั้นโดดเด่น
  4. สร้างกิจกรรมถามคำถามชิงรางวัล หรือแชร์ข่าวสารพิเศษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  5. โต้ตอบกับคนที่โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นบนเพจ
  6. นอกจากการสร้างโพสต์แบบข้อความแล้ว ยังสามารถอัพเดตรูปภาพ วิดีโอ และลิงค์ต่างๆ ได้


การแสดงโพสต์บนฟีดข่าวของ Facebook
  • โพสต์จะปรากฏในฟีดข่าว ซึ่งจะอยู่ในหน้าแรกของ Facebook
  • ความจริงแล้ว ผู้คนใช้เวลา 40% บนฟีดข่าวของ Facebook
  • ฟีดข่าวเป็นพื้นที่ที่ผู้คนแชร์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในชีวิต และธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมกับผู้คนเหล่านั้นได้




โพสต์ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่
  • เป็นโพต์ที่สั้น คือโพสต์ที่มีความยาวระหว่าง 100 และ 250 ตัวอักษร จะได้รับการถูกใจ การแสดงความคิดเห็น และการแชร์มากกว่า 60%
  • เป็นโพสต์ที่นำเสนอด้วย อัลบั้มรูป, รูปภาพ และวิดีโอ ได้รับตอบสนอง 180%, 120% และ 100% ตามลำดับ
  • เป็นโพสต์ที่มีความเหมาะสม โดยข้อมูลเชิงลึกของหน้าเพจจะช่วยให้เรารับทราบข้อมูลต่างๆ ของแฟนเพจ เช่น ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับหน้าเพจมากที่สุดในเวลาใด จะได้โพสต์ในช่วงเวลาดังกล่าว



เชิญชวนให้คนถูกใจหน้าเพจมากขึ้น โดยการเชิญชวนจากคนใกล้ตัวก่อน เช่น กลุ่มเพื่อน ครอบครัว ลูกค้า และลูกจ้างที่สนใจในธุรกิจ โดย
  • ใช้ตัวเลือกในปุ่มสร้างผู้ชมบนแผงควบคุมของผู้ดูแล เชิญชวนเพื่อนๆ ใน Facebook
  • คลิกที่ 'เชิญรายชื่อผู้ติดต่อจากอีเมล' เพื่ออัพโหลดรายชื่ออีเมลและส่งข้อความเชิญชวน
  • โปรโมทที่อยู่เว็บเพจผ่านป้ายโฆษณา, นามบัตร, ใบเสร็จ, อีเมล, กระดานดำ และสื่ออื่นๆ


วิธีเขียนโพสต์ที่มีคุณภาพ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโพสต์มีความเกี่ยวข้องกับผู้รับชมและธุรกิจ
  • รักษาความใกล้ชิด เป็นมิตร และความราบรื่นในการสนทนา
  • แชร์รูปภาพและวิดีโอเพราะเป็นการแสดงถึงการมีส่วนร่วมที่ดีกว่า
  • ถามปัญหาและเปิดโอกาสรับความคิดเห็น
  • ให้การเข้าถึงข้อเสนอและข้อมูลพิเศษต่างๆ ของธุรกิจ เช่น ส่วนลด
  • โพสต์เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน การท่องเที่ยวในวันหยุด หรือข่าวสารต่างๆ
  • เข้าถึงลูกค้าด้วยข้อเสนอ ดึงดูดด้วยข้อเสนอที่สามารถอ้างสิทธิ์และแชร์กับเพื่อนได้ เช่น ร่วมเล่นเกมส์แล้วแชร์ผ่านเฟสบุ๊ค ลุ้นรับของรางวัล

การจัดการโพสต์ ช่วยในการระบุเนื้อหาที่สำคัญที่สุดบนหน้าเพจ โดยการ
  • ปักหมุด ทำให้โพสต์ที่สำคัญที่สุดอยู่ด้านบนของหน้าเพจเป็นเวลา 7 วัน
  • ติดดาว เน้นเรื่องราวสำคัญโดยทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเห็นได้ชัดขึ้น
  • ซ่อน ซ่อนโพสต์ที่อาจไม่มีความเกี่ยวข้องอีกต่อไปหรือไม่น่าสนใจ




การกำหนดเวลาโพสต์
บริหารเวลาโดยการเตรียมโพสต์ไว้ล่วงหน้าและตั้งเวลาว่าต้องการให้ปรากฏบนหน้าเมื่อใด โดยการคลิกไอคอนนาฬิกาที่มุมล่างซ้ายของเครื่องมือการแชร์ เลือกปี เดือน วัน ชั่วโมง และนาทีในอนาคตที่ต้องการให้โพสต์ปรากฏ





คุณสามารถดาวน์โหลดตัวจัดการหน้าสำหรับ iPhone ตัวจัดการหน้าเป็นแอพที่สามารถใช้ได้บน iPhone ตัวจัดการหน้าจะช่วยในการติดตามกิจกรรมหน้า ดูข้อมูลเชิงลึก และโต้ตอบกับกลุ่มผู้ชมหน้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด




 การโปรโมทโพสต์เพื่อเข้าถึงผู้คนมากขึ้นในฟีดข่าว
การโปรโมทโพสต์เป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้าถึงผู้คนที่ถูกใจหน้าเพจ และเพื่อนของผู้คนเหล่านั้น ในฟีดข่าวของตัวเอง บนเดสก์ทอป และมือถือได้มากขึ้น การโปรโมทโพสต์จะช่วยดันโพสต์นั้นให้ปรากฏสูงขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มแนวโน้มที่ผู้คนจะดูข้อความในฟีดข่าวของพวกเขา รับรู้ถึงธุรกิจ และตอบรับการส่งเสริมการขาย


 การส่งเสริมให้คนมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจ โดย
  • ส่งเสริมให้คนเช็คอินที่สถานประกอบการที่มีสัญลักษณ์ของร้านแสดงอยู่ หรือเสนอส่วนลดให้ผู้ที่เช็คอิน
  • สร้างกิจกรรมบนหน้าเพจและเชิญให้คนเข้าร่วมกิจกรรม
  • ตั้งคำถามและสร้างโพสต์ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแฟนเพจ
  • แชร์ข้อมูลพิเศษและ ข้อเสนอ ที่ผู้คนต้องการบอกต่อให้เพื่อน เช่น ส่วนลด



เรื่องราวที่ได้รับการสนับสนุน คือข้อความที่มาจากเพื่อน เกี่ยวกับการที่เพื่อนมีส่วนร่วมกับธุรกิจ ในฐานะธุรกิจสามารถจ่ายเงิน เพื่อโปรโมทเรื่องราวเหล่านี้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้คนเห็นการโต้ตอบนี้ได้ เรื่องราวที่ได้สนับสนุน จะแสดงให้เห็นในฟีดข่าว ทั้งบนเดสก์ทอปและมือถือ และในคอลัมน์ด้านขวา









2.7 ประโยชน์ของ Facebook Fan Page ต่อธุรกิจ

Facebook นั้นเป็น Social Network ให้คนมาปฎิสัมพันธ์กัน ไม่ใช่สังคมของการช้อปปิ้ง แล้วทำไมบริษัทของคุณจะต้องเสียเวลาและทรัพยากรบุคคลมาคอยดูแล Fan Page นี้ด้วยล่ะ (Fan Page คือ หน้าโปรไฟล์ของบริษัท) ถึงแม้ว่าสมาชิกที่มาเป็นแฟนบริษัทหรือธุรกิจของคุณจะไม่ได้มีความสนใจจะซื้อสินค้าหรือบริการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือความรู้สึกเชื่อมโยงกับบริษัทในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็เพราะพวกเขายอมรับว่าเป็น ‘แฟน’ ของคุณแล้วยังไงล่ะ
 ๑๐ ข้อดีของ Facebook Fan Page ต่อธุรกิจ       ๑. ถือเป็นอีกช่องทางที่คุณสามารถโปรโมตธุรกิจของคุณบนเว็บไซต์การมี Fan Page นั้นช่วยในการแบรนดิ้งธุรกิจของคุณไปในตัว ซึ่งคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอาจจะมีคนอีกมากมายขนาดไหนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณในอนาคต หรืออาจจะเป็นคนที่อยากร่วมงานกับคุณ นักลงทุน ไปจนถึงสื่อที่สนใจในธุรกิจของคุณ และไม่ต้องกลัวว่ามันจะยุ่งยากหรือดุได้เฉพาะคนที่มี Facebook เพราะ Fan Page นั้นเปิดให้ทุกๆคนสามารถเข้ามาอ่านหรือดูโปรไฟล์ธุรกิจของคุณได้โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิก ซึ่งทำให้คนจำนวนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาถึงข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่คุณต้องการโปรโมตได้ เคล็ดลับ: อัพเดทเนื้อหาจากเว็บไซต์หลักเข้า Fan Page ผ่าน RSS เพื่อเซฟเวลา แต่ระวังอย่าให้มีเนื้อหาที่ชี้ชวนหรือโฆษณาขายจนเกินไป

       ๒. ได้ยอดคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นเพราะ Facebook ให้คุณสามารถใส่ลิงก์เว็บไซต์บริษัทหรือธุรกิจของคุณได้ คราวนี้คนที่เข้ามาดูหน้า Fan Page ที่สนใจและอยากจะรู้เกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้าและบริการของคุณมากขึ้นก็สามารถคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทคุณได้เลยทันที นอกจากนี้ก็อย่าลืมใส่ Facebook Widget ที่จะช่วยให้คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณโดยตรงสามารถคลิกเข้าเยี่ยมและมาเป็นแฟนของบริษัทได้ในหน้า Fan Page ทำทั้ง 2 อย่าง เท่านี้ทั้งเว็บไซต์และ Fan Page ของคุณก็จะสามารถช่วยโปรโมตกันและกันได้แล้ว เคล็ดลับ: เปลี่ยนสถานะจากผู้ใช้ Facebook เป็นแฟนผลิตภัณฑ์และจากแฟนเป็นลูกค้า ผ่านการโปรโมตเว็บไซต์ผ่าน Fan Page และใส่ลิงก์ Fan Page ลงไปในหน้าเว็บไซต์ โดยการใช้ Widget

       ๓. เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEOการที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบริษัทของคุณกระจายอยู่ในหลายๆเว็บไซต์นั้นจะยิ่งทำให้การค้นหาผ่าน search engine อย่าง Google นั้นเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้คนค้นเจอเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Social Search บริการใหม่จาก Google ยังช่วยให้ผู้ค้นหาสามารถอ่านความเห็นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณได้ทันทีจากหน้าแสดงผลการค้นหา การลิงก์ Fan Page เข้ากับเว็บไซต์หลักจึงเป็นวิธีที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการช่วยต่อยอดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้อีกทางหนึ่ง

       ๔. สร้างคอมมิวนิตี้ผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและไม่ต้องเสียเงินFan Page ถือเป็นอีกทางเลือกในการทำให้กลุ่มลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นกับเว็บไซต์หลักของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถโพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆลงในโปรไฟล์ Facebook เพื่อแชร์กับบรรดาแฟนๆของสินค้าหรือผลิตภันณฑ์ได้อีกด้วย ที่สำคัญคุณยังสามารถพูดคุยกับลูกค้า ถามคำถาม ความคิดเห็น ควาพึงพอใจ และอีกมากมาย ที่สามารถช่วยให้คุณพัฒนาหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการ จากไอเดียที่ได้จากผู้บริโภค

       ๕. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงถ้าสมาชิกคนนั้นมาเป็นแฟนของ Fan Page คุณแล้ว คุณก็สามารถส่งข้อความถึงพวกเขาเหล่านั้นได้โดยตรง ซึ่งคุณเองสามารถเลือกได้ว่าจะส่งให้ใครบ้าง เช่น หากคุณทำกิจกรรมในจังหวัดหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกให้ส่งข้อความชวนให้เฉพาะแฟนที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆมาร่วมกิจกรรมชิงรางวัลกับสินค้าหรือบริการของคุณได้ และไม่่ใช่แค่พื้นที่เท่านั้น แต่อายุ หรือ เพศ ก็สามารถกำหนดได้เช่นกัน

       ๖. เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นการคุยกันหรือแสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆนั้น สามารถทำให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าแกร่งขึ้น เพราะเป็นการโต้ตอบกันโดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าถูกบีบบังคับให้ซื้อสินค้า แต่เป็นการคุยกันแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งทำให้ทัศนคติของลูกค้าต่อแบรนด์นั้นๆดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นใน Facebook เลยก็ตาม แต่กว่า 90% ของผู้ใช้ Facebook นั้นมีความคาดหวังที่จะเห็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตนเองใช้มีหน้า Fan Page

       ๗. สร้างพื้นที่ให้กับผู้ที่ภักดีต่อแบรนด์ได้บอกต่อแม้ผู้ใช้จำนวน 25% จะไม่ชอบการป่าวประกาศบอกคนอื่นๆว่าตนเองชอบหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไหน แต่ผู้ใช้จำนวนที่เหลืออีกมากมายนั้นพร้อมที่จะแนะนำหรือแสดงความชื่นชมสินค้าหรือบริการที่ตนเองประทับใจ รวมถึงบอกต่อไปยังเพื่อนๆหรือคนรู้จักใน Facebook อีกด้วย ฉะนั้น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าชั้นเยี่ยมแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะคนเหล่านี้จะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับสินค้าโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินจ้างมาโฆษณาด้วยซ้ำ เคล็ดลับ: การโพสต์ข่าวสารข้อมูลในหน้า Fan Page หรือการที่แฟนๆมีการโต้ตอบกับคุณ ก็จะปรากฏบนหน้าอัพเดทของทั้งคุณและแฟนของสินค้าคนนั้นๆด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนมาเป็นแฟนหน้า Fan Page มากขึ้นนั่นเอง

       ๘. การรับฟังและการจับตาดูพฤติกรรมจะช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณในสังคมออนไลน์แบบ Facebook นั้น ลูกค้าและผู้บริโภคมักจะไม่ค่อยตั้งป้อมต่อต้านหรือแสดงอคติต่อการเข้าไปทำการตลาดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแน้วโน้มมากขึ้นที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ หรือประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีต่อธุรกิจของคุณหรือของคู่แข่ง ซึ่งหากคุณให้ความสำคัญหรือใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ คุณก็จะได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆโดยปริยาย เคล็ดลับ: Fan Page นั้นมาพร้อมส่วนที่เป็นหน้าถาม-ตอบ อยู่แล้ว คุณสามารถใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการสนับสนุนให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เช่น ส่วนที่อยากให้ปรับปรุงในสินค้า เป็นต้น

       ๙. มาพร้อมด้วยเครื่องมือวัดผลที่แม่นยำถ้าอยากรู้ว่า Fan Page ที่ทำไปได้ผลอย่างไรบ้าง Facebook ก็มีบริการ Page Insights ที่เป็นเครื่องมือรายงานและวัดสถิติ เช่น มีคนเข้ามาคอมเมนท์ หรือ โพสต์ มากน้อยขนาดไหน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับแฟนๆของหน้า Fan Page ว่าอายุเท่าไหร่ เพศอะไร ภูมิลำเนาอยู่แถวไหน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องยิ่งขึ้น เคล็ดลับ: อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการสร้างสารที่เหมาะสม และส่งไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็น target group ของสินค้าหรือบริการ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายทางการตลาดที่ตั้งไว้

      ๑๐. ให้คุณไล่ตามคู่แข่งได้่ทันถ้ายังคิดว่า Fan Page ไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจของคุณอยู่ล่ะก็ ลองมามองด้านการแข่งขันดูบ้าง อย่าลืมว่าถ้าคู่แข่งของคุณทำ Fan Page ที่มีแฟนๆมากมายและทำกิจกรรมต่างๆกับกลุ่มลูกค้า จนมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น และไม่เหลือที่ว่างให้กับธุรกิจของคุณ ทั้งๆที่คุณเองก็มีโอกาสเท่ากัน แบบนี้แล้วคุณจะมัวรออะไรอยู่อีก เริ่มทำตั้งแต่วันนี้เพื่อความได้เปรียบในสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลกกันเลย




ประวัติของ twitter



Twitter (มาจากรากศัพท์คำว่า tweet ที่แปลว่า เสียงนกร้อง) หมายถึง Unified Message ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็น Micro-blogging ที่ให้บริการเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่าง เพื่อน ครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน สามารถเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แบบ Real Time เพื่อเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "คุณกำลังทำอะไรอยู่" ซึ่ง Twitter ก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2006 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาขึ้นโดย Evan Williams และ Meg Houri Evan Williams คือคนเดียวกับที่สร้างบริการบล็อก ที่นิยมมากที่สุดในโลก ในขณะนี้ นั่นคือ Blogger.com นั่นเอง หลายคนคงพอทราบกันนะค่ะ ว่า Blogger.com ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทเล็กๆ ที่ชื่อว่า Para Labs ก่อร่างสร้างตัวขึ้นตั้งแต่สิงหาคม ปี 1999และหลังจากนั้น 3 ปี ทาง Google ก็เข้ามาขอซื้อกิจการไปในปี 2002 เพื่อไปเติมเต็มบริการ อีกทั้งขยายกลุ่มผู้ใช้ให้ได้มากขึ้น แต่ Williams ถอนตัวออกจาก Google มาร่วมงานกับ Oreo เมื่อ ปี 2004 และเมื่อไม่นานมานี้ Williams ได้ออกมาร่วมงาน กับ Obvious Corp ,ในปี 2006 ซึ่งมี Twitter เป็น Product หลักของบริษัท เป้าหมายของ Obvious Corp คือ สร้างสรรค์สิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญ ต่อโลก Meg Houri คือผู้ร่วมก่อตั้งอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นคู่หูของ Evan Williams นั่นเอง ภาพพจน์ของเธอก็ยังเป็นบล็อกเกอร์ อยู่ต่อไป และตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้วกับ Jason Hotkey ซึ่งนับแล้วก็เป็นบล็อกเกอร์เหมือนกัน ทั้งสองเคยเป็นบุคคลแห่งปี ที่ทาง PC Magazine มอบให้ในปี 2004 และตอนนั้นเอง
ค.ศ. 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสาร “ไทม์” ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์ “บริการของ Twitter นั้น ถึงจะเป็นแค่บริการเล็กๆ แต่ตอนนี้ บริการเล็กๆ ที่ว่านี้ ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สานต่อจากการเป็นบล็อกเกอร์แค่คนๆหนึ่งจริงๆ”

การสมัคร TWITTER

1. เข้าที่เว็บ http://www.twitter.com
          2. คลิกที่ปุ่ม Sign up now
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์



          3. ใส่รายละเอียดผู้สมัคร
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์


                    Fullname = เป็นชื่อของผู้สมัคร (สามารถเปลี่ยนแปลงภายหลังได้ครับ)
                    Username = ชื่อทวิตเตอร์ของเรา และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดครับ แม้เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงภายหลังได้แต่ก็ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะจะทำให้เพื่อนๆจำเราไม่ได้ครับ ชื่อทวิตเตอร์ควรตั้งชื่อสั้นๆ ให้คนอื่นจำได้ง่ายๆ เช่น iwhale , xza , iThA , maritey , JeyPan ,Oaddybeing , DearAnnie เป็นต้นครับ
                    Password = ตั้งรหัสผ่าน ตั้งยากๆแต่จำง่าย ควรมีตัวอักษรและตัวเลขผสมกัน เช่น nana2009 , we20ar09 , 1234good เป็นต้นครับ(ให้คิดเองตั้งเองนะครับอย่างเอาตามตัวอย่าง เดี๋ยวโดนขโมยแอคเคาท์ทวิตเตอร์ไป ไม่รู้ด้วยนะ :-P)
                    Email = ใส่อีเมล์ของเราครับ (ขอเป็นอีเมล์ที่ใช้งานได้จริงครับ)
                    Type the words above = ให้ใส่คำที่เรามองเห็นจากด้านบน (ซึ่งจะเห็นว่ามีการเว้นวรรคด้วย) เมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อยก็อย่าลืมคลิกตรงคำว่า Create my account ด้วยครับ


          4. ขั้นตอนนี้ระบบจะให้เราเชิญชวนเพื่อนๆที่อยู่บัญชีรายชื่ออีเมล์(Address book)ของเราครับ ตรงนี้ให้ คลิกที่ Skip this step ข้ามไปก่อน
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์


          5. ขั้นตอนสุดท้ายทวิตเตอร์อยากจะแนะนำเพื่อนให้เราไปติดตาม (follow) อ่านข้อความที่เค้าโพสต์ไว้ แต่ดูยังไงก็ไม่คุ้นหน้า ถ้าเช่นนั้นเราน่าจะข้ามขั้นตอนนี้ไปก่อน เอาเครื่องหมายถูกออกจาก Select All แล้วคลิก Finish
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์

ขั้นตอนการสมัครก็เป็นอันเสร็จสมบรูณ์ครับ



          ตอนนี้เราก็เข้าสู่ทวิตเตอร์ของเราเป็นครั้งแรกครับ
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์


          URL ด้านบนก็จะเป็น http://www.twitter.com/Usernameของเรา ครับ ถึงตอนนี้เราก็มีทวิตเตอร์เป็นของตัวเองแล้ว หากใครถามว่า ชื่อทวิตเตอร์ของเราคืออะไร เราก็บอกชือที่อยู่ด้านหลังURLไปได้เลยครับ จากรูปนี้ทวิตเตอร์ชื่อ mike304
วิธีสมัคร ทวิตเตอร์



ส่วนประกอบของ Twitter


 รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์
รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์


          ช่องรายงานการเล่นทวิตเตอร์ของเรา นอกจากทำหน้าที่รายงานการเล่นทวิตเตอร์แล้วยังมีส่วนอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้งานอีกดังนี้ครับ



รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์


          จากรูปด้านส่วนนี้ทวิตเตอร์แจ้งว่าหากเรายังใช้ Internet Explorer 6.0 เล่นเน็ตอยู่ ก็ให้เราไปอัพเดตเป็นเวอร์ชั่นใหม่ดีกว่าเนื่องจากie6นั้นเก่าแล้วครับ เพื่อนๆสามารถศึกษาวิธีอัพเกรดie6ของท่านใหม่ได้ที่ ie6update.kapook.com ครับ



รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์


          ถ้าโปรแกรมเล่นเน็ตของเราเป็นเวอร์ชั่นใหม่อยู่แล้วก็ให้ปิดแถบสีเหลืองนี้ไปครับ



รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์


          และทุกครั้งที่เราเลิกเล่นทวิตเตอร์ สำคัญที่สุดคือต้องไม่ลืม Sign out ครับ



รู้จักส่วนต่างๆในทวิตเตอร์






Twitter(ทวิตเตอร์) เป็นเว็บที่ให้บริการ เขียนBlogที่เมื่อเราสมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ก็จะมีBlogไว้เขียนบอกสถานะของตนเองให้กับคนอื่นได้ทราบ โดยBlogของ Twitterจะแตกต่างจากBlogทั่วๆไปก็ตรงที่เราสามารถโพสต์ข้อความได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษรและสามารถที่จะส่งข้อความสั้นๆไปยังโทรศัพท์มือถือได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดอินเทอร์เน็ตเข้าอ่านเหมือนBlogทั่วไป ซึ่งก็คือข้อความสั้นๆ ที่จะบอกกับใครต่อใครว่า “ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่” ยกตัวอย่างเช่น "กำลังจะกินข้าว" "กำลังจะออกจากบ้าน" เป็นต้น ศัพท์เทคนิคเค้าเรียกBlogแบบนี้ว่า Microblog (ไมโครบล็อค)
โดย Twitter จะเป็นการส่ง ข้อความไปในรูปแบบ "บอกเล่า" มากกว่า ว่า"ฉันกำลังทำอะไรอยู่" ไม่ต้องการ หรือคาดหวังว่าจะมีการตอบกลับจากคนที่รับข้อความ แต่ถ้าหากคนได้รับข้อความ แล้วเค้าก็สามารถตอบกลับหาคนที่ส่งมาได้เช่นกัน

ข้อดีของ Microblog ก็คือ สั้น ง่าย และรวดเร็ว

เราสามารถบอกสถานะของของเราให้กับเพื่อนทราบได้ด้วยกัน 4 ช่องทาง คือ
  1. ส่ง ข้อความเป็นแบบSMS ข่าวดีก็คือข้อความที่โพสต์ในBlogเราสามารถกำหนดให้ส่ง SMS ได้ ฟรี! 13,000 Message ต่อปี อันนี้ สุดยอด!! มาก โดยเข้าไปที่http://m.twitter.com ดังนั้นไม่ว่าคุณอยู่ไหนก็ตาม ที่คุณมีโทรศัพท์มือถือ คุณก็สามารถส่งข้อความเข้า Twitter ได้ง่ายๆ
  2. ส่งข้อความด้วยโปรแกรมแชท (IM : Instant Messaging) ปัจจุบันใช้โปรแกรม Google Talk (GTalk) , Livejournal , jabber เป็นหลัก
  3. ส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยโทรศัพท์มือถือ ในGPRS (อันนี้เสียตังค์)
  4. ด้วยการเข้าไปเขียน-ข้อความใน Twitter ของเราเองในเว็บไซต์

สิ่งหนึ่งที่มาช่วยให้ Twitter มีประโยชน์ และสนุกมากขึ้น ก็คือ คุณสามารถติดตาม (Follow) คนอื่นๆ ที่เค้าเขียนข้อความลงไปใน Twitter ของเค้าได้ ว่าเค้าคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ โดยเมื่อคุณ ติดตาม (Follow) เค้าแล้ว เมื่อคนนั้นเค้าทำอะไรและพิมพ์อะไรลงไปใน Twitter คุณก็ได้รับข้อความเหล่านั้นด้วยไปพร้อมๆ กัน และก็สามารถติดตามได้ทีละหลายๆ คน ซึ่งก็จะทำให้คุณทราบว่าเค้าเหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ในขณะนั้นทันทีจะเห็นว่า Twitter ก็เริ่มกลายเป็นเครื่องมือในการกระจายข้อมูล (Broadcast) ของคนๆ หนึ่ง ไปยังคนหลายๆ คนได้ง่ายๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

-------------------------------------------------------------




เมื่อ เรารู้แล้ว ว่า Twitter คืออะไร ถัดมา ลองมาดูกันดีกว่า ว่าเราจะนำ Twitter มาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์กับร้านค้าออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง?


1. แจ้งข่าวสารให้ลูกค้าทราบ


หากร้านค้าใด ที่ขายสินค้า แล้วมีลูกค้าประจำ หรือผู้ที่สนใจในสินค้าของร้าน คอยติดตามข่าวสารของเรา

เรา สามารถใช้ Twitter แจ้งข่าว เช่น "สินค้าออกใหม่" หรือ "โปรโมชั่นพิเศษในช่วงนี้คืออะไร? เช่นส่วนลดหรือของแถมจากการซื้อสินค้า" เป็นต้น
ซึ่งก็จะทำให้คนที่ติดตามร้านของเรา รับรู้การเคลื่อนไหวและข่าวสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ จากร้านของเราได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Amazon.com ใช้ Twitter ส่งโปรโมชั่นสินค้าใหม่ๆ ผ่าน Twitter http://twitter.com/amazondeals

2. สร้าง Brand หรือ "ชื่อร้านค้าออนไลน์" ให้ติดตลาด


โดย การสื่อสารผ่านทาง Twitter บ่อย ๆ จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น สร้างความคุ้นเคยให้กับ Brand ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


3. ใช้สำหรับบริการตอบคำถามลูกค้า "Customer Support"


โดย คุณสามารถ Twitt เปิดโอกาสให้ลูกค้าถามถึงปัญหาจากสินค้าหรือบริการ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าถามถึงการเซ็ตค่าเครื่องรับสัญญาณที่ซื้อไป ต้องทำอย่างไร

เจ้าของร้านก็ Twitt ตอบคำถามพร้อมกับลิงค์วิธีการใช้งานและการตั้งค่าให้กับลูกค้า ซึ่งก็จะช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจได้

4. สร้างความรู้สึกดี ๆ ผ่านข้อความ Twitt


ซึ่ง ข้อความที่สนุก เป็นกันเอง ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเราก็ได้ จะทำให้ลูกค้าที่ติดตามเราอยู่ รู้สึกถึงความเป็นกันเองของเจ้าของร้าน

ยก ตัวอย่างเช่น การ Twitt เรื่องขำขันที่เราไปพบเจอมา ซึ่งจะสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า ทำให้เขารู้สึกว่า เรามีชีวิต ชีวา ดูสบาย ๆ เป็นกันเอง ไม่ได้เน้นที่จะขายสินค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ว่าวิธีนี้ อาจจะไม่เหมาะกับร้านที่เน้นเรื่องความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่เคร่งขรึม ซึ่งก็ต้องพิจารณากันเป็นกรณีไป


กรณีศึกษา Starbucks

http://twitter.com/starbucks
ที่ Starbucks ในอเมริกาจะมีพนักงานคอยตอบคำถามลูกค้าอยู่ โดยทางบริษัทจะใช้ Twitter
เป็น เครื่องมือในการเข้าถึงลูกค้าอีกทางหนึ่ง เพราะมีทีมงานอยู่แล้ว ก็เพียงจัดเอาพนักงานบางส่วนมาคอยตอบคำถามทาง Twitter เพิ่มเติม โดยพนักงานของ Starbucks จะมีวิธีการตอบ รวมถึงการชวนลูกค้าคุยว่า ส่วนตัวแล้วเขาชอบดื่มกาแฟแบบไหน ใส่กาแฟกี่ช้อน ทำงานสาขาอะไร ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ในหน้าโปรไฟล์มันจะดูออกเป็น Corporate แต่ถ้าเราคุยแบบเป็นกันเอง ดูสบายๆ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดี ความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ก็จะสอดคล้องกับที่ Starbucks วางไว้คือ สบาย รีแลกซ์ เป็นกันเอง เหมือนลูกค้าคุยกับคนนะครับ ไม่ได้คุยกับหุ่นยนต์

นอกจากนี้ทาง Starbucks ยังเปิด Twitter Account อีกอันเพิ่มที่ชื่อว่าhttp://twitter.com/MyStarbucksIdea ที่ใช้สำหรับให้ลูกค้าเสนอฟีดแบ็กเข้ามา


หากคุณต้องการให้มีคนสนใจสินค้าในร้านของเรามากขึ้น คุณควรจะหาเพื่อนใน Twitter ให้ได้เยอะ ๆ ก็จะทำให้ช่องทางในการขายสินค้าของเรากว้างขึ้น

เทคนิค ง่าย ๆ ที่เราจะหาเพื่อนมากขึ้น คือคุณอาจจะไป follow (ติดตาม) คนดัง บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลที่น่าสนใจ  ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีเพื่อนเป็นจำนวนมาก เราก็สร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ผ่านทาง Social Network และเมื่อเราต้องการคุยกับใคร เราก็ใส่ตัวอักษร "@" นำหน้าชื่อของเขา ก็จะทำให้ข้อความของเราจะไปโผล่ที่หน้า Twitter ของเพื่อนที่เราส่งถึงนั่นเอง
ในส่วนของเนื้อหาที่โพสผ่าน Twitter คุณก็ควรจะโพสในสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เชิญชวนให้คนสนใจในข้อความที่โพสให้มากที่สุด เพราะ Twitter จะจำกัดการโพสไว้ที่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น
นอก จากนี้ เราควรหมั่น ทวิต ข้อความ บ่อยๆ เพื่อให้คนเห็นเรา จดจำเราได้มากขึ้น และสนใจเรามากขึ้น แต่ไม่แนะนำให้ ทวิต เนื้อหาลงแบบถี่เกินไป เพราะจะทำให้คนอื่นรำคาญและไม่ชอบได้เช่นกัน


จาก สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้น ก็จะเห็นแล้วว่า Twitter นอกจากใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกันของบุัคคลทั่วไปแล้ว ยังมีประโยชน์กับธุรกิจร้านค้าออนไลน์เช่นกัน

ผู้ที่สนใจใช้งาน Twitter สามารถเข้าไปสมัครใช้งานได้ที่  http://www.twitter.com


ประวัติInstagram 

ประวัติ
อินสตาแกรมได้ถูกคิดค้นขึ้นมาที่ ซานฟรานซิสโก โดย เควิน ซิสตรอม และ ไมเคิล ไมค์ ครีเกอร์ คิดค้นโดยเน้นระบบ HTML5[4][5]
ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553 ซิสตรอม ได้ลงทุนอีก 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในการเพิ่มเติมแอปพลิเคชัน[6]
อินสตาแกรมได้เปิดตัวบน แอพสโตร์ ของ แอปเปิล ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553[7]หลังจากนั้น จอร์ช รีเดล ได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งในขณะนั้นในบริษัทมีพนักงานไม่ถึง 10 คน และต่อมา ก็ได้มีผู้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทเพิ่มเติม คือ เชน สวีนีย์โดยเข้ามาใน เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ในตำแหน่งวิศวกร และ เจสสิกา โซลแมน ก็ได้เข้ามาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553[8][9][10]
ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 อินสตาแกรม ได้เพิ่ม แฮชแท็ก ซึ่งเป็นระบบที่สามารถทำให้ป้ายชื่อที่พิมพ์ลงไปนั้น ค้นหาได้ง่ายขึ้น ด้วยการพิมพ์ "#" ตามด้วยป้ายชื่อที่จะพิมพ์[11]และต่อมาในเดือนกันยายน อินสตาแกรมได้ปล่อยเวอร์ชัน 2.0 ให้ดาวน์โหลด บน แอพสโตร์ โดยเพิ่มความสามารถของแอปหลาย ๆ อย่าง[12]
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 อินสตาแกรมได้ประกาศผลกำไรของบริษัท โดยอยู่ที่ 7 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ[13] The deal valued Instagram at around $25 million.[14]
ต่อมาในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 หลังจากที่ได้รอคอยกันมานาน อินสตาแกรมได้ปล่อยแอปพลิเคชัน ที่รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์[15]และในสัปดาห์เดียวกัน บริษัทได้ประกาศผลกำไรของบริษัท โดยอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[14]ซึ่งหลังจากนั้น วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555 เฟซบุ๊ก ได้เข้ามาซื้อกิจการ ในราคา 1 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ[16][17]ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กมีบริษัทที่กว้างขวางมากขึ้น[18][19]โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานบริษัทเฟซบุ๊กกล่าวว่า "committed to building and growing Instagram independently" โดยแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า จะมุ่งมั่นเพื่อสร้างอินสตาแกรมให้ก้าวหน้าต่อไป[18][20]

ผู้ใช้งาน

จำนวนผู้ใช้งานประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 อินสตาแกรมมีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 1 ล้านคน
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 อินสตาแกรมประกาศว่ามีผู้ใช้งาน 5 ล้านคนแล้ว และได้เกิน 10 ล้านคนเมื่อเดือนกันยายนในปีเดียวกัน
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 อินสตาแกรมประกาศว่ามีผู้ใช้กว่า 30 ล้านบัญชี
อินสตาแกรมประกาศว่ามีรูปกว่า 100 ล้านรูปแล้วที่ถูกอัปโหลดขึ้นบนระบบในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 และยอดนี้พุ่งถึง 150 ล้านในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 มีการอัปโหลดรูป 58 รูป และมีการสมัครสมาชิกใหม่หนึ่งคนต่อวินาที ปัจจุบันรูปภาพที่ถูกอัปโหลดทั้งหมดมีจำนวนเกินพันล้านรูป
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 อินสตาแกรมได้ประกาศว่ามีผู้ใช้งานที่ใช้เป็นประจำ (activer users) 100 ล้านคนในเวลาเพียงสองปีครึ่งหลังจากการเปิดตัว และเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556 ทางบริษัทได้ประกาศว่ามีผู้ใช้งานเป็นประจำต่อเดือนเกิน 150 ล้านคน
คนดังหลายคนมีบัญชีบนอินสตาแกรม พวกเขาแบ่งปันรูปถ่ายและวิดีโอเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและในอาชีพการทำงานของพวกเขาให้กับแฟน ๆ คนดังบางคนได้ลบบัญชีของพวกเขาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้งานของอินสตาแกรมที่จะอนุญาตให้แอปพลิเคชันขายรูปภาพแก่ผู้โฆษณาโดยไม่มีค่าตอบแทนแก่ผู้ใช้งาน
อินสตาแกรม ได้อยู่ใน 50 อันดับ แอปพลิเคชันที่ดีที่สุดของแอนดรอยด์ในปีพ.ศ. 2556 จากนิตยสารไทม์

Instagram ทำการตลาดออนไลน์
Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
ในวันนี้มี Social Media อีก 1 app ที่พูดได้ว่าต้องรู้จักกันทุกคน คือ Instagram
ข้อมูลสถิติเบื้องต้นของ Instagram คือ  Instagram มีผู้ใช้งานลงทะเบียนมากถึง 80 ล้านคน และมีภาพในระบบมากกว่า 4 พันล้านภาพ ที่สำคัญคือ Instagram นั้นมีอายุแค่เพียง 21 เดือนเท่านั้น หลังจาก Instagram ขายให้กิจการให้กับทาง facebook ไปในมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญ ทำให้มีการปรับปรุง function การใช้งานให้เอื้อประโยชน์กันมากขึ้น เช่น เมื่อทำการ Like ผ่าน Instagram (สำหรับผู้ใช้ Instagram  เชื่อมโยงกับ facebook) Like จะไปเพิ่มใน facebook ด้วยทันที และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ Instagram  ก็คือ เราสามารถเชื่อมโยงรูปภาพที่เรา Post ลง Instagram  ให้เชื่อมโยงไปยัง Social Network อื่นได้ อาทิ facebook , Twitter , Foursquare , Flickr , Tumblr , และสามารถส่ง Email ได้อีกด้วย

Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
ดังนั้นเมื่อเราจะนำมาปรับใช้ในเชิงการตลาดจะเป็นการง่ายมากที่เจ้าของธุรกิจที่สามารถ โพสภาพ ข้อความและกำหนดสถานที่ในครั้งเดียว แต่สามารถเชื่อมโยงไปยัง Social Media อื่นๆของธุรกิจได้อีก
                นอกเหลือจากนี้ ในการกำหนดสถานที่ของรูปภาพ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา Instagarm ทำการ Update Version ใหม่ ให้เป็น Photo map ซึ่งเป็นการระบุสถานที่ของภาพว่าผู้โพสถ่ายภาพมาจากสถานที่ไหน ตำแหน่งไหน โดยการเชื่อมโยงตำแหน่งภาพจาก Instagram จะทำการเชื่อมโยงผ่านฐานข้อมูลสถานที่จาก foursquare และ google map การอัพเดตครั้งนี้เอื้อประโยชน์กับทางธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้ส่วนใหญ่ เมื่อเข้ามาอยู่ในสถานที่นั้นๆแล้ว มักจะเข้ามาดูภาพในสถานที่ที่ตนเองอยู่ ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้านี้มีลักษณะเหมือนการ add tips ใน foursquare ทำให้ผู้ใช้รายอื่นๆเข้ามาชมภาพและอ่าน Review เจ้าของสถานที่สามารถเข้ามาตรวจสอบความเคลื่อนไหวและความคิดเห็นของลูกค้าได้อีกทาง 

Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
และอีกเทคนิคในการเพิ่มยอดคน Like และ Follow Instagram ที่อยากจะแนะนำเป็นที่สุด คือ #tag ใน Instagram ซึ่ง Tag นั้น จะเป็นการเชื่อมโยงเรื่องที่สนใจด้วย Keyword ยกตัวอย่าง JMcuisine (เจ๊กเม้ง) ทำการโพสภาพอาหาร ดังนั้น tag ที่เกี่ยวข้องก็คือ #food #Phetchaburi #thailand #(ชื่ออาหาร ภาษาอังกฤษ) เป็นต้น วิธีนี้จะช่วยดึงความคนใจของคนที่ไม่ได้ follow เราให้ตามเข้ามาดูภาพของเราได้ หากเรามีจุดยืนใน key ของเราอย่างต่อเนื่อง จะเป็นการสร้างฐานการ follow ให้ตัวท่านเองได้แบบมั่นคงและยั่งยืน
                ข้อพึงระวังเรื่องการใส่ tag มีดังนี้
  1. การใส่ tag นั้น จะต้องพิมพ์ # ตามด้วย Keyword ลงไป
  2. Instagram กำหนดให้ใส่ tag ลงไปในภาพแต่ภาพละที่เราโพส ไม่เกิน 30 tag
  3. ไม่ควรใส่ tag ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาพลงไป เพราะจะเป็นการรบกวน timeline ของ Follower หากทำบ่อยๆท่านอาจจะโน unfollow ได้
  4. เน้นย้ำอีกครั้งคือ ใส่ tag ด้วย keyword ที่เกี่ยวข้องภาพท่านเท่านั้นจะเป็นการดีที่สุด
เทคนิคสุดท้ายที่อยากจะแนะนำในครั้งนี้ก็คือ การ save ภาพ หรือ การดึงภาพจาก Instagram หากเราจะดึงภาพออกมานั้น ส่วนใหญ่จะทำด้วยวิธี snap หน้าจอจาก Iphone หรือ Ipad ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือได้ภาพที่มีความละเอียดต่ำ ส่วนใหญ่จะได้ไฟล์ภาพที่ขนาด 10-50 kb ดังนั้นวิธีการดึงภาพออกมาที่ง่ายที่สุด คือ ไปที่ www.Webstagram.com  เลยครับ ท่านสามารถจะค้นหาภาพ ได้จาก ชื่อ User , Tag และ Location ได้ตามที่ต้องการ

Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
Instagram Marketing เทคนิคที่ควรรู้ในการใช้ Instagram ทำการตลาดออนไลน์
วันนี้เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะได้แนวทางและเทคนิคการใช้ Instagram ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองไปพอสมควร อย่าลืมนะครับว่า การใช้สื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ในการทำการตลาดนั้น ไม่ใช่การเพื่อการขาย แต่เป็นการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราอยู่ในใจของลูกค้าเป็นอันดับต้นๆ เมื่อลูกค้าต้องการสินค้าและบริการในหมวดธุรกิจของเรา ดังนั้นอย่าทำแบบ Hard Sale ทำแค่พอประมาณแล้วท่านจะได้ลูกค้าในระยะยาวแบบยั่งยืน



วิธีสมัคร Instagram มีขั้นตอนอย่างไร มาดูกันเลย





Instagram

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          Instagram (อินสตาแกรม) แอพพลิเคชั่นแชร์ภาพและแต่งภาพยอดฮิต สามารถถ่ายภาพหรือเลือกรูปภาพจากแกลลอรี่บนมือถือมาตกแต่งให้สวยงามตามสไตล์ด้วยฟิลเตอร์ (Filter)  หลากสีสันและเครื่องมือแต่งภาพพื้นฐานที่มีอยู่ใน Instagram และสามารถแชร์รูปภาพที่แต่งเสร็จแล้วอวดเพื่อน ๆ บน Twitter, Facebook และเว็บสังคมออนไลน์อื่น ๆ ได้


          แอพฯ Instagram สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS (iPhone, iPad และ iPod Touch) และระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น ส่วนระบบปฏิบัติอื่น ๆ ยังไม่สามารถใช้งานได้ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนตามที่กล่าวมาตอนต้น และอยากจะสมัครใช้งาน Instagram แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูวิธีการสมัคร Instagram กันดีกว่า ว่ามีขั้นตอนการสมัครอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลยจ้า 



ก่อนอื่นต้องดาวน์โหลดแอพฯ Instagram ติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือให้เรียบร้อยก่อนนะจ๊ะ



ดาวน์โหลด Instagram (สำหรับ iOS และ Android)
            
      


          วิธีสมัคร Instagram มีขั้นตอนดังนี้



1. เมื่อติดตั้งแอพฯ เรียบร้อยแล้ว ให้แตะเลือกแอพฯ Instagram จากนั้นแตะปุ่ม Register เพื่อสมัครใช้งาน



 

2. ใส่ข้อมูล Username/Password, อีเมล, ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์และรูปโปรไฟล์ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ข้อมูลจาก Facebook ของเราก็ได้ โดยแตะเลือกเมนู Use Your Facebook Info เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วแตะปุ่ม Done จากนั้นจะมีข้อความแสดงให้แตะปุ่ม Yes เพื่อยืนยันการสมัคร



 


3. ระบบจะแนะนำให้ค้นหาเพื่อนที่เล่น Instagram โดยค้นหาเพื่อนจาก Facebook หากต้องการค้นหาให้แตะเลือก Find Your Facebook Friends หากไม่ต้องการให้แตะปุ่ม Skip หรือปุ่ม Next เพื่อข้ามขั้นตอน



 

4. ขั้นตอนต่อไประบบจะแนะนำว่าต้องการค้นหาเพื่อนที่เล่น Instagram จากรายชื่อ (Contacts) บนมือถือเราหรือไม่ หากต้องการให้แตะเลือก Find Friends from Contacts หากไม่ต้องการให้แตะปุ่มSkip หรือปุ่ม Next เพื่อข้ามขั้นตอน



 


5. ขั้นตอนต่อมา ระบบจะแนะนำผู้เล่น Instagram ที่น่าสนใจ (Suggested) สามารถเลือกติดตามได้ โดยแตะปุ่ม Follow หากไม่ต้องการแตะปุ่ม Done 





6. ขั้นตอนการสมัครเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปแก้ไขโปรไฟล์และเพิ่มข้อมูลอื่น ๆ ได้โดยแตะเลือก Edit Your Profile





หมายเหตุ: Instagram ไม่สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ Instagram ได้ ต้องสมัครผ่านแอพฯ เท่านั้น




มาทำความรู้จักกับส่วนต่าง ๆ ของแอพฯ Instagram



Instagram


          สำหรับผู้ใช้แอพฯ Instagram มือใหม่ หากเพิ่งเคยใช้งาน Instagram ครั้งแรกอาจจะต้องเกิดอาการมึนงงกับเมนูต่าง ๆ ของแอพฯ และไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มต้นใช้งาน Instagram เรามาทำความรู้จักกับส่วนต่าง ๆ ของแอพฯ Instagram ว่าเมนูไหนใช้ทำอะไรบ้าง เพื่อการใช้งาน Instagram ได้สะดวกและสนุกยิ่งขึ้น 

          มาทำความรู้จักกับส่วนต่าง ๆ ของแอพฯ Instagram แบ่งออกเป็น 5 เมนู

1. Home (หน้าหลัก) 


          หน้าหลัก (Home) เป็นหน้าที่แสดงรูปภาพของเพื่อน ๆ หรือคนที่เราไปติดตาม (Follow) รวมไปถึงแสดงรูปของเราเอง เมื่ออัพโหลดภาพเสร็จแล้วก็จะมาแสดงอยู่บนหน้า Home

2. Explore

 

          Explore (ของเดิมเป็นแท็บ Popular) ใช้สำหรับดูภาพยอดนิยมที่มีคนกดไลค์มากที่สุด ค้นหารูปภาพตามแท็ก (Hasgtags) และค้นหาผู้ใช้งาน (Users) เป็นรายบุคคลโดยพิมพ์ชื่อที่ต้องการค้นหาลงในช่องด้านบน

3. Camera (ถ่ายภาพ) 

 

          Camera Photo ปุ่มสำหรับถ่ายรูปหรือเลือกรูปภาพจากอัลบั้มบนเครื่องที่เราถ่ายเก็บไว้แล้ว นำมาลง Instagram และตกแต่งภาพ เลือกกรอบรูปภาพและแต่งเติมสีสันด้วยฟิลเตอร์ต่าง ๆ จากส่วนนี้

4. Following และ News 

 

          Following และ News ในส่วนนี้จะแสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ ของ Instagram เช่น มีคนมากด Like รูปภาพ, ดูว่าใครมาComment รูปภาพของเราและสามารถดูได้ด้วยว่าคนที่เราไปติดตาม (Follow) ไปกด Like รูปของใครมาบ้าง

5. Profile (โปรไฟล์) และ Options (ตัวเลือก) 

 

          ส่วนสุดท้ายจะเป็นส่วนของหน้าโปรไฟล์ ที่แสดงข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนตัวได้ ด้วยการแตะเลือกเมนู Edit Your Profile จากนั้นแก้ไขข้อมูลตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ให้กับแอพฯ โดยการแตะเลือกสัญลักษณ์ฟันเฟืองที่อยู่ด้านบน จากนั้นผู้ใช้งานก็จะเจอกับเมนูตั้งค่าต่าง ๆ มากมาย


สังคมออนไลน์

     1. Skype

    สไกป์ (Skype) โปรแกรมสำหรับคุยโทรศัพท์ คุยแบบวิดีโอ หรือส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP)[1] ก่อตั้งโดย Niklas Zennström และJanus Friis ทั้งสองเป็นชาวสวีเดนผู้สร้าง คาซา (KaZaA) สำนักงานใหญ่ของสไกป์อยู่ที่เมืองลักเซมเบิร์ก โดยมีสำนักงานอยู่ที่ลอนดอนและทาลลินน์ สไกป์เป็นที่นิยมเนื่องจากความสามารถของโปรแกรม ที่คุณภาพเสียงชัดเจนและไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้าใช้คุยกันผ่านทางคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สไกป์สามารถโทรเข้าโทรศัพท์อื่นได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมผ่านทาง สไกป์เอาต์ นอกจากนี้สไกป์สามารถใช้สำหรับรับโทรศัพท์จากโทรศัพท์ทั่วไป และรับฝากข้อความได้

    คุณสมบัติ

คุณสมบัติพื้นฐานของสไกป์ คือการบริการผ่านทางคอมพิวเตอร์สู่คอมพิวเตอร์ ทั้งทางเสียงพูด ภาพจริงขณะสนทนา การส่งข้อความ และการส่งข้อมูลในรูปแบบไฟล์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงการประชุมผ่านออนไลน์ไม่เกิน 5 คน และใช้เป็นโทรศัพท์โทรออกสู่ปลายทางที่เป็นโทศัพท์เคลื่อนที่หรือพื้นฐานซึ่งส่วนนี้จะต้องเสียใช้จ่ายหรือเรียกว่า Skype Out

สไกป์สามารถใช้งานได้ในหลายระบบปฏิบัติการเช่น Windows Mac Linux Android Symbian iOS

ไกป์เอาต์


ราคาของสไกป์เอาต์ในแต่ละประเทศ
สไกป์เอาต์ (SkyOut) บริการเพิ่มเติมที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยผู้ใช้งานสไกป์สามารถโทรจากคอมพิวเตอร์เข้าสู่โทรศัพท์ทั่วไป หรือโทรศัพท์มือถือได้ทั่วโลก ราคาของสไกป์เอาต์แตกต่างจากโทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศทั่วไปที่คิดตามระยะทาง สไกป์เอาต์คิดตามกลุ่มของประเทศปลายทาง โดยราคาน้อยสุดของการใช้ในปัจจุบันมีค่า 0.017 ยูโร ต่อนาที ในประเทศโลกกลุ่มที่หนึ่ง โดยสามารถจ่ายผ่านทางบัตรเครดิต เช็ค ธนาณัติ หรือทางบริการออนไลน์ต่างๆ เช่น เพย์พาล ราคาการซื้อปัจจุบันอยู่ที่ 10 และ 25 ยูโร ซึ่งจะหมดอายุ 180 วัน หลังจากวันใช้งานครั้งสุดท้าย ในบางประเทศจะเสียภาษีเพิ่มเติมในตอนที่ซื้อ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 0.02 ยูโรต่อนาที

การห้ามใช้งาน

กฎหมายและข้อกำหนดได้ถูกยกขึ้นโดยทางองค์กร รัฐบาล หรือทางระบบโรงเรียนบางแห่งได้ป้องกันการใช้งานสไกป์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ความปลอดภัยทางความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ
  • จีน ปี พ.ศ. 2548 สไกป์เอาต์ ได้ถูกห้ามใช้งานในจีนแผ่นดินใหญ่บางพื้นที่ ที่ผ่านทางบริษัทไชนาเทเลคอม โดยไม่ได้มีการกล่าวเหตุผลถึงการห้าม
  • ฝรั่งเศส ปี พ.ศ. 2548 ทาง French Ministry of Research มีการห้ามใช้ระบบสไกป์ในระบบมหาวิทยาลัย และงานวิจัยต่างๆ
  • เยอรมนี ได้มีการวางแผนจะห้ามการใช้งานสไกป์ในปี พ.ศ. 2550